ปัจจัยที่ส่งผลลด load capacity และจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรถโฟล์คลิฟท์

เสถียรภาพ (stability) 
        ในขณะปฏิบัติงานกับรถโฟล์คลิฟท์ เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง ซึ่งสิ่งที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพ มักจะเป็นเรื่องของความสามารถในการยก (load capacity) ที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ ประการในกรณีที่มีปัจจัยใดๆ ลด load capacity ของรถโฟล์คลิฟท์ แต่น้ำหนักบรรทุกไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้ตรงตามเงื่อนไขดังกล่าว สิ่งที่ตามมาคือเสถียรภาพที่ลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

         ต่อไปนี้เป็น 8 ปัจจัยที่ส่งผลลด load capacity และจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรถโฟล์คลิฟท์ ที่ผู้ปฏิบัติงานควรตระหนักและควรป้องกันไม่ให้เกิดปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว
ความเสื่อมของงา (forks)
          การใช้รถโฟล์คลิฟท์อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อความสมบูรณ์และความแข็งแรงของงายกได้ ซึ่งขึ้นกับจำนวนชั่วโมงการใช้งาน สิ่งของที่ยก รวมถึงลักษณะการยก สิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลต่องายกได้โดยทั่วไปจะถือว่า ถ้าพื้นที่ผิว (surface) ของงายกลดลง 10% จะส่งผลลดน้ำหนักที่ยกได้อย่างปลอดภัย (safe lifting capacity) ลดลงถึง 20% เช่น มีการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ผิวงาของรถโฟล์คลิฟท์ที่มี load capacity 5,000 ปอนด์ หายไป 10% ค่าความสามารถในการยกของรถโฟล์คลิฟท์คันนั้นก็จะเหลือเพียงแค่ 4,000 ปอนด์นอกจากนี้ในการปฏิบัติงานประจำวัน ควรมีการตรวจสอบรอยแตก รอยแยก หรือการคดงอของงายกทุกครั้งก่อนนำรถโฟล์คลิฟท์ไปใช้งาน


จุดศูนย์ถ่วงของการยก (load center)
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

         จุดศูนย์ถ่วง (load center) เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรถโฟล์คลิฟท์เป็นอย่างมาก ก่อนการปฏิบัติงานทุกครั้ง ผู้ปฏิบัติงานควรตรวจสอบลักษณะของสิ่งของที่ต้องการยก ว่ามีขนาดและน้ำหนักเท่าไร ควรอาศัยข้อมูลของรถโฟล์คลิฟท์รุ่นนั้น ๆ โดยข้อมูลเหล่านี้มักจะระบุอยู่บนเนมเพลท (name plate) หรือคู่มือประจำตัวรถ และควรมีการปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำดังกล่าวให้ระลึกเสมอว่า สิ่งของที่มีน้ำหนักเท่ากัน แต่รูปร่างต่างกัน จะส่งผลต่อจุดศูนย์ถ่วง ซึ่งท้ายสุดจะส่งผลต่อเสถียรภาพในขณะปฏิบัติงาน
 ความสูงและระดับของการยก (height)
         ความสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการยกของรถโฟล์คลิฟท์ ยิ่งยกสูงมากขึ้นเท่าไร เสถียรภาพของรถโฟล์คลิฟท์ยิ่งลดลงเท่านั้น รวมถึงน้ำหนักที่สามารถบรรทุกได้ก็ลดลงผู้ปฏิบัติงานควรตรวจสอบชาร์ต derating capacity ของรถรุ่นนั้น ๆ ให้ดีก่อนปฏิบัติงาน เพื่อให้ทราบน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ที่ความสูง ณ ค่าหนึ่ง ๆ
ความสมบูรณ์ของสายโซ่ (chains)
         เพื่อความปลอดภัยและความมีเสถียรภาพของรถโฟล์คลิฟท์ ควรมีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของโซ่เป็นประจำ ถ้าพบว่าโซ่มีการยืดยาวออก (elongation) เพียงแค่ 3% ก็จะทำให้น้ำหนักที่ยกได้ลดลงถึง 15% เมื่อโซ่มีการชำรุดสึกหรอ ควรทำการเปลี่ยนทันที ไม่ควรซ่อม และควรใช้โซ่ที่มาจากผู้ผลิตโดยตรง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในระหว่างการปฏิบัติงาน
อุปกรณ์เสริมสำหรับรถโฟล์คลิฟท์ (attachments)
          ทุก ๆ ครั้งที่ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มอุปกรณ์หรือเครื่องมือเสริมต่าง ๆ ไปที่รถยก ให้ตระหนักเสมอว่าอุปกรณ์เหล่านั้น ส่งผลต่อค่าน้ำหนักที่บรรทุกได้ของรถโฟล์คลิฟท์ ควรตรวจสอบจากคู่มือของอุปกรณ์เสริมนั้น ๆ และทำการปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย
ยาง (tires)
         เมื่อทำการปรับเปลี่ยนยางของรถโฟล์คลิฟท์ ควรใช้ยางตามที่ผู้ผลิตกำหนดเท่านั้น ควรสอบถามหรือดูข้อมูลในคู่มือให้แน่ใจ เนื่องจากการเลือกใช้ยางที่ไม่ตรงกับ specification ของรถรุ่นนั้น ๆ จะส่งผลต่อ load capacity และจะส่งผลต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานตามมา
แบตเตอรี่ (battery)
         เมื่อพบว่าแบตเตอรี่เสื่อม ควรเลือกแบตเตอรี่ตามที่ผู้ผลิตกำหนด หรือสอบถามไปที่ตัวแทนจำหน่ายถึงแบตเตอรี่ที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย การเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ จะส่งผลให้รถโฟล์คลิฟท์มีการทำงานอย่างราบรื่น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ความรู้ความเข้าใจของผู้ปฏิบัติงาน (knowledge & skill)
         ความรู้และความตระหนักของผู้ปฏิบัติงาน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ให้ปลอดภัย ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับการฝึกฝน อบรม และทดสอบจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เพราะนอกจากความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานเองแล้ว ยังหมายถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมงาน และความปลอดภัยของทรัพย์สินที่บางครั้งมีมูลค่าสูงก่อนใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ทุกครั้ง ผู้ปฏิบัติงานควรตระหนักถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรถยกเสมอ และถ้าพบว่ามีบางปัจจัยที่น่าจะส่งผลถึงความปลอดภัย ควรรายงานผู้ที่เกี่ยวข้องในทันที เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การคำนวณน้ำหนักที่รถโฟล์คลิฟท์สามารถยกได้

เทคนิคการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์

คู่มือการใช้รถยก FORKLIFT อย่างถูกวิธี [4]