ประวัติ
A
FORKLIFT TRUCK BEING USED DURING WORLD WAR II
|
ช่วงสงครามโลกครั้งที่1 ได้ผลักดันให้มีการพัฒนาการยกแท่นรองฐานปืนโดยใช้ระบบไฟฟ้า แต่ด้วยความจำเป็นและสะดวกต่อการใช้งาน ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของการยกย้ายลูกระเบิดด้วยความนิ่มนวลปลอดภัยยิ่งขึ้นซึ่งมีการพัฒนาใช้ทั้งระบบแมคคานิคและรถยกไฟฟ้าขึ้นมาด้วยในรุ่นแรกๆ
รถยกจะเป็นแบบง่าย ๆ ไม่มีระบบไฮโรลิค หรือแม้กระทั่งงายกแบบปัจจุบัน แต่จะใช้ระบบรอกขับเคลื่อนดึงโซ่ยกขึ้นมา ได้ระดับความสูงไม่มาก การยึดชิ้นงานก็ใช้วิธีการผูกมัด และไม่มีคนนั่งขับแต่อย่างใด ในเวลาต่อมารถโฟล์คลิฟที่มีที่นั่งขับค้นพบขึ้นในปี คศ. 1917 ของ Clark เชื่อเป็น Trucktracter ซึ่งพัฒนาขึ้นมาใช้เฉพาะ Clark’ axle plant ซึ่งเป็บรูปแบบเฉพาะเท่านั้น ต่อมาใน คศ.1923 บริษัท Yale ก็ผลิตรถยกไฟฟ้า โดยการเพิ่มอุปกรณ์งายกน้ำหนักขึ้นมาเป็นครั้งแรก ซึ่งระบบกลไกการเคลื่อนที่ยกขึ้นลงใช้ระบบ Ratchet & Pinion (ระบบเฟืองมีสปริงรองหมุน)
รถยกจะเป็นแบบง่าย ๆ ไม่มีระบบไฮโรลิค หรือแม้กระทั่งงายกแบบปัจจุบัน แต่จะใช้ระบบรอกขับเคลื่อนดึงโซ่ยกขึ้นมา ได้ระดับความสูงไม่มาก การยึดชิ้นงานก็ใช้วิธีการผูกมัด และไม่มีคนนั่งขับแต่อย่างใด ในเวลาต่อมารถโฟล์คลิฟที่มีที่นั่งขับค้นพบขึ้นในปี คศ. 1917 ของ Clark เชื่อเป็น Trucktracter ซึ่งพัฒนาขึ้นมาใช้เฉพาะ Clark’ axle plant ซึ่งเป็บรูปแบบเฉพาะเท่านั้น ต่อมาใน คศ.1923 บริษัท Yale ก็ผลิตรถยกไฟฟ้า โดยการเพิ่มอุปกรณ์งายกน้ำหนักขึ้นมาเป็นครั้งแรก ซึ่งระบบกลไกการเคลื่อนที่ยกขึ้นลงใช้ระบบ Ratchet & Pinion (ระบบเฟืองมีสปริงรองหมุน)
หลังจากนั้นความนิยมการใช้โฟล์คยังขึ้นๆลงๆ จนกระทั่งมีการจัดสร้างพาเลทเพื่อรองรับสิ่งเป็นแบบมาตราฐานขึ้นในปี คศ.1930 จากนั้นเองการพัฒนารถยกจึงมีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ก้าวกระโดดของรถยก คือ การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในปี คศ.1939 มีความต้องเครื่องอุปโภค และยุทโธปกรณ์สูงขึ้นมากจาก 500 หน่วยขนย้าย เป็น 23,500 หน่วย ในช่วงปีหลังของสงครามโลกครั้งที่สองจึงต้องการเร่งพัฒนาการยกขนย้ายโดยรถยกอย่างมากในช่วงดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะในรถรถยกไฟฟ้าสามารถพัฒนาแบเตอรรี่ให้สามารถทำงานต่อเนื่องกันได้ถึง 8 ชม.โดยไม่ต้องการชาร์จแบตใหม่ประมาณช่วงปี คศ. 1950 มีการพัฒนาสโตร์การจัดเก็บเพื่อให้ประสทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในการใช้พื้นที่
ฉะนั้นการออกแบบรถโฟล์ลิฟท์ในช่วงดังกล่าวจึงเน้นการ เคลื่อนย้ายและยกในพื้นที่แคบๆได้ดีขึ้น ในระยะหลังมีการเน้นเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีของตกลงบนพนักงานขับรถ จนกระทั่งช่วงปี คศ.1950 เป็นต้นมาจนกระทั่งช่วงก่อนถึงปี 1960 บริษัทผู้ผลิตรถยก ได้มีการพัฒนากรงสำหรับนั่งขับเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับคนขับ และได้กำหนดเป็นอุปกรณ์มาตราฐานที่จะต้องมีในปี 1980 เป็นต้นมาอย่างไรก็ตามการพัฒนาทางด้านความปลอดภัย ในส่วนของความสมดุลย์ในการยกย้ายและขณะขับเคลื่อนโยกย้ายมากขึ้นตามลำดับนอกเหนือจากเรื่องดังกล่าว ได้มีพัฒนาเพิ่ม ขึ้นในส่วนของการใช้พลังงานเพื่อความประหยัด โดยการใช้แก๊สทดแทนน้ำมัน และผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดปัญหาเรื่องควันไอเสียที่รบกวนการ ทำงานของพนักงานในพื้นที่ทำงานปัจจุบันการพัฒนาการใช้เครื่องยนต์รถยกโดยเริ่มการนำเครื่องยนต์ Hydrogen fuel cell มาทดลองใช้แล้วตั้งแต่ต้นปี คศ. 2000 เป็นต้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น